สตูล, อนุมัติงบ 30 ล้านปรับปรุง ?ตะรุเตา? รับนักเที่ยวปี 52 ( ข่าวสตูล )

สตูล  – กรมอุทยานแห่งชาติฯ ทุ่มงบ 30 ล้านบาท ปรับปรุงเกาะตะรุเตาในช่วง Low Season เพื่อเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวในปี 2552

ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเล หรือ Low season ของจังหวัด สตูล  ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคมถึงตุลาคมนั้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวตามเกาะต่างๆ ของจังหวัด สตูล ค่อนข้างน้อย เนื่องจากมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามามายังชายฝั่ง ทางอุทยานแห่งชาติตะรุเตาจึงได้ใช้เวลาในช่วงดังกล่าว เร่งปรับปรุงพื้นที่บนเกาะตะรุเตาและเกาะอาดัง เพื่อให้สามารถบริการนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกมากขึ้น

นายประทักษ์ กมลรัตน์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่าในปีงบประมาณ 2551 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืชได้อนุมัติงบประมาณ 30 ล้านบาท ให้อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเพื่อปรับปรุงพื้นที่ของอุทยานฯ ให้มีความทันสมัย สามารถบริการนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยมีพื้นที่ปรับปรุง 2 แห่งคือที่เกาะอาดังและเกาะตะรุเตา มีการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและค่ายพักขึ้นที่เกาะแห่งละ 1 หลัง ก่อสร้างบ้านพักนักท่องเที่ยวที่เกาะตะรุเตาเพิ่มอีก 4 หลัง รวมห้องพัก 16 ห้อง จากเดิมมีเพียง 17 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 250 คน

นอกจากนี้ยังได้ปรับภูมิทัศน์พื้นที่สนามหญ้าบริเวณหน้าหาดพันเตมะละกา อุทยานแห่งชาติตะรุเตาให้มีความสวยงาม เพื่อให้เหมาะสำหรับกางเต็นท์ของนักท่องเที่ยว โดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และเปิดให้บริการในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวทางทะเล หรือ HI Season ประจำปี 2552 ของจังหวัด สตูล ซึ่งจะเริ่มเปิดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ได้

ส่วนบริเวณตามหาดต่างๆ ของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ขณะนี้มีขยะที่มากับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย เข้ามาติดบริเวณชายหาดจำนวนมาก เช่น หาดมอและ อ่าวสน และอ่าวพันเตมะละกา

ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา กล่าวว่า มีปริมาณขยะประมาณ 50-100 กิโลกรัมต่อวันมากกว่าช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนหลายเท่า ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเก็บขยะเพิ่มเป็นวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นด้วย

โดย น.ส.นิภาพร เมฆหมอก เจ้าหน้าที่อุทยานตะรุเตา เปิดเผยว่า ขยะที่เก็บได้ส่วนใหญ่เป็นขยะจากอุปกรณ์ทำการประมง เช่น อวน เชือกฟาง หลอดไฟ นอกจากนี้เป็นขยะประเภทขวดพลาสติก โฟม กระป๋องน้ำอัดลม และกิ่งไม้ ทำให้มีรายได้จากการเก็บขยะดังกล่าว ขายให้กับพ่อค้ารับซื้อของเก่าที่เข้ามาซื้อถึงอุทยานฯได้กว่า 2,000-3,000 บาทต่อเดือน

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์