ตรัง, ชาวตรังไม่หวั่นหวัดนกแห่ดูนกอินทรียักษ์แน่น ( ข่าวตรัง )

ชาวบ้านจับนกอินทรีขนาดใหญ่ได้ขณะโฉบลงมาหาอาหารกิน พบส่วนหัวมีลักษณะคล้ายอีแร้ง เร่งประสานงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ หวั่นพาเชื้อหวัดนกระบาดในพื้นที่

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว ว่า มีผู้พบนกอินทรีขนาดยักษ์ บินหลงฝูงมาอยู่ในหมู่บ้าน จึงเดินทางไปทำการตรวจสอบพบ นายสัญญา สงคราม อายุ 31 ปี มีตำแหน่งเป็นพ่อครัวประจำโรงเรียนบ้านยูงงาม โรงเรียนระดับประถมศึกษา ของตำบลโพรงจระเข้ ซึ่งเป็นผู้ที่จับตัวนกอินทรีตัวดังกล่าวไว้ได้

นายสัญญา เล่าว่า สำหรับนกอินทรีตัวที่ตนเองพบนั้น ได้บินมาพร้อมกับเพื่อนนกอินทรีด้วยกันอีก 4 ตัว โดยบินมายังบริเวณสนามหญ้าโรงเรียนบ้านยูงงาม เพื่อที่จะร่อนลงมาจับสุนัขที่วิ่งอยู่แถวนั้น แต่บังเอิญตรงกับช่วงที่ไม่มีกระแสลม จึงทำให้นกอินทรีตัวนี้ไม่สามารถบินกลับขึ้นไปบนฟ้าได้ นอกจากนั้น ในช่วงดังกล่าวยังเป็นเวลาที่มีนักเรียน ออกมาวิ่งเล่นอยู่ภายในสนามหญ้าด้วย

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เด็กๆ ต่างพากันแตกตื่น และพยายามจะวิ่งเข้าไปไล่จับ ทำให้นกอินทรีตัวนี้ต้องวิ่งหนีเข้าไปในสวนยางพาราที่อยู่ติดกับบริเวณโรงเรียน ตนจึงวิ่งตามเข้าไปดูและจับตัวออกมาจนทำให้ในช่วงที่อุ้มนกอินทรีนั้น ได้รับบาดเจ็บ เพราะถูกเล็บนกอินทรีข่วนเข้าที่บริเวณแก้มเล็กน้อยจากนั้นก็ได้นำมาขังไว้ในคอกที่บ้านพัก เลขที่ 1/1 หมู่ที่ 1 ตำบลโพรงจระเข้ เพื่อที่จะให้เด็กๆ และชาวบ้านได้มาดูกัน

นายสัญญา เล่าอีกว่า ขณะนี้มีผู้คนจำนวนมากได้เดินทางขอดูนกอินทรี ทั้งที่เดินทางมาจากพื้นที่ใกล้เคียง รวมไปถึงจากจังหวัดพัทลุง ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่เคยมีใครพบเห็นนกอินทรีที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อนเลย โดยจากการประมาณคาดว่าน่าจะมีน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม และมีความยาวของปีกประมาณ 2 เมตร แต่ไม่ทราบว่าเป็นชนิดหรือเพศใด

ทั้งนี้ นายสัญญา ได้ไปซื้อเนื้อหมูสด เพื่อนำมาเป็นอาหารเลี้ยงนกอินทรี ซึ่งจะกินครั้งประมาณ 2 กิโลกรัม แต่นกอินทรีตัวนี้ก็ไม่ได้ทำร้ายใคร อย่างไรก็ตาม นายสัญญา ได้ประสานไปยังสำนักงานปศุสัตว์อำเภอย่านตาขาว เพื่อที่จะให้มาตรวจสอบหาเชื้อโรคไข้หวัดนกจากนกอินทรีตัวดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อโรคไข้หวัดนก มาแพร่ระบาดในพื้นที่เป็นได้ อย่างไรก็ตามพบว่านกตัวดังกล่าวส่วนหัวมีลักษณะคล้ายอีแร้ง ซึ่งจะต้องให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์