กระบี่, กระบี่ เอาใจผู้ประกอบการเช่าที่ดินรัฐต่อให้อีก15 ปี ( ข่าวกระบี่ )

รัฐเอาใจผู้ประกอบการเช่าพื้นที่รัฐ หลัง ผวจ.รับเรื่องให้มีการเช่าพื้นที่ทำต่ออีก15 ปี พร้อมจ่ายค่าชดเชยผลอาสินในส่วนที่ต้องเสียไป ไร่ละประมาณ 30,000 บาท คาดรัฐต้องควักเงินไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาท แต่มีข้อแม้ต้องแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งจัดสรรให้คนจน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน 2550 นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชขการจังหวัด กระบี่ เป็นประธานการประชุม การตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าและที่สาธารณประโยชน์ โดยได้เชิญผู้ประกอบการเช่าพื้นที่ป่าของรัฐในพื้นที่จังหวัด กระบี่ จำนวน 10 ราย เข้าพูดคุยเพื่อหาทางออก หลังจากมติ ครม.สมัยอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งระงับการขอต่ออนุญาตการเช่าพื้นที่หลังจากที่หมดอายุ เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่คนจนซึ่งทำให้ผู้ประกอบการเช่าพื้นที่รัฐที่ได้เข้าไปทำผลประโยชน์แล้วไม่สามารถขอต่ออนุญาต

นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด กระบี่ กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าไปเช่าพื้นรัฐในการทำผลประโยชน์ จากการตรวจสอบพบว่าการเช่าพื้นที่ส่วนใหญ่ได้มีการทำผลประโยชน์ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งมีทั้งหมด 10 ราย รวมเนื้อที่ประมาณ 30,000 หมื่นกว่าไร่ แต่ขอต่ออนุญาตทำต่อ จำนวน 8 ราย ซึ่งก็ได้หมดวาระไปแล้ว แต่ไม่สามารถขอต่ออนุญาตเข้าทำประโยชน์ต่อไปได้ เนื่องจากครม.สมัยอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งระงับการขอต่ออนุญาตการเช่าพื้นที่หลังครบวาระ 15 ปี ทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน ไม่สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

นายศิวะ กล่าวต่อไปว่า เพื่อหาทางออกให้กับผู้ประกอบการทั้ง 8 ราย ที่ได้เช่าพื้นที่รัฐทำประโยชน์ และขอต่ออนุญาตก็ได้มีการพูดคุย ซึ่งได้ข้อสรุปว่าพื้นที่ที่ผู้ประกอบการเช่าอยู่นั้น จะต้องนำมาแบ่งครึ่ง เช่น ใครเช่าอยู่ 1,000 ไร่ ก็นำมาแบ่งครึ่ง เหลือ 500 ไร่ พร้อมต่ออนุญาตให้เช่าพื้นที่ต่อไปอีก 15 ปี ในการเข้าไปทำประโยชน์ ส่วนที่เหลืออีก 500 ไร่ก็จะนำไปจัดสรรให้กับคนจน ตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ ส่วนผลอาสินที่ทำมาก่อนก็จะมีการพิจารณาชดเชยผลอาสินให้ ซึ่งจะได้ตกลงในรายละเอียด ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอส่วนกลางพิจารณาต่อไป

ด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน อดีต ส.ส.ปชป.เขต 1 จังหวัด กระบี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนเช่าของผู้ประกอบการเช่าพื้นที่รัฐทำประโยชน์ปลูกปาล์มน้ำมัน ได้กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะให้มีการแบ่งครึ่งพื้นที่เช่าของรัฐ ที่ผู้ประกอบการเข้าไปทำผลประโยชน์อยู่ แต่มีข้อแม้ว่ารัฐจะต้องจ่ายค่าสินใหมทดแทนให้ตามความเป็นจริงในพื้นที่ที่ต้องเสียไป เพราะไม่อย่างนั้นผู้ประกอบการทุกรายคงจะไม่ยอม และทางที่ดี รัฐควรจะเก็บค่าเช่าจากคนจนด้วยเพื่อให้บุคคลเหล่านั้นเห็นคุณค่าของพื้นที่ที่ได้ไป และรัฐเองก็สามารถตองคำถามคนจนอีกหลายคน ที่ไม่ได้รับการจัดสรรได้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่ทางผู้ประกอบการ ทั้ง 8 ราย ทำประโยชน์จริง มีประมาณ 5,000 กว่าไร่เท่านั้น เมื่อแบ่งครึ่งแล้ว เหลือประมาณ 2,500 กว่าไร่ เมื่อรัฐต้องจ่ายชดเชยผลอาสินคาดว่ารัฐต้องควักกระเป๋าไม่น้อยกว่า 70 ล้านบาท เนื่องจากในเบื้องต้น ได้มีการพูดคุยกันตกไร่ละประมาณ 30,000 บาท ยังไม่ได้ข้อสรุป

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์