ระนอง, ตำรวจยังไม่สรุปเพลิงไหม้ ที่ ระนอง ( ข่าวระนอง )

ตำรวจยังไม่สรุปเหตุเพลิงไหม้ อาคารพาณิชย์ย่านธุรกิจท่าเทียบเรือประมง ระนอง

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 21 คูหา กึ่งไม้กึ่งปูน ย่านธุรกิจการค้าบริเวณท่าเทียบเรือสะพานปลา ม.1 ต.ปากน้ำ ระนอง อ.เมือง จ. ระนอง เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00น.วันนี้ (4 มิ.ย.) พ.ต.อ.ธีระวัฒน์ รัตนไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรตำบลปากน้ำ พร้อมด้วย พ.ต.ท.โสภณ นุราช หัวหน้าตำรวจวิทยาการจังหวัด ระนอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการจังหวัด ระนอง ได้เข้าตรวจสอบบ้านที่คาดว่าจะเป็นต้นเพลิง คือบ้านเลขที่ 91/10–91/11 โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจพื้นที่อย่างละเอียดทั้งในเรื่องสายไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ลักษณะการไหม้ของไม้และตัวอาคาร พร้อมทั้งถ่ายรูปทุกจุดไว้เป็นหลักฐานเพื่อประกอบกับการพิจารณา นอกจากนั้น ได้เรียกบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มเกิดไฟไหม้มาสอบถามด้วย

ภายหลังการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งหลักฐานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ในเบื้องเจ้าหน้าที่วิทยาการได้ตัดทิ้งประเด็นเรื่องการลอบวางเพลิง ทำให้ยังคงเหลือแต่ประเด็นไฟฟ้าลัดวงจร และประเด็นเรื่องความประมาทเลินเล่อจนเกิดไฟไหม้ แต่ยังไม่มีการระบุเป็นที่แน่ชัดว่าเกิดจากประเด็นใด

เจ้าหน้าที่วิทยาการต้องเรียกตัวเจ้าของบ้านทั้ง 2 หลัง มาสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังมีความสงสัยในเรื่องสายไฟฟ้า ว่า ภายในตัวอาคารมีการเดินสายไฟฟ้าอย่างไร เนื่องจากพบว่าสายไฟห้อยอยู่กับเสาบ้านแต่ตกลงมาอยู่ที่พื้น หากทราบในจุดนี้ จะสามารถประมวลได้ว่าสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงเกิดจากอะไร

พ.ต.อ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ในชั้นของการดำเนินคดีหรือตั้งข้อกล่าวหา ต้องรอข้อสรุปจากตำรวจวิทยาการมาประกอบด้วย จึงจะสามารถดำเนินการต่อได้ ส่วนผู้เสียหายจนถึงขณะนี้มีเข้ามาแจ้งความแล้วจำนวน 12 ราย เจ้าหน้าที่ได้ทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ว่า ให้ผู้เสียหายเหลือเจ้าของบ้านที่เหลือรีบมาแจ้งความร้องทุกข์

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอีกเรื่อง คือ เจ้าของบางส่วนไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัด ระนอง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังหาทางติดต่อเป็นการเร่งด่วนแล้ว ส่วนพื้นที่เกิดเหตุนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังคงกั้นไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปขนย้ายหรือรื้อค้นสิ่งของ เนื่องจากต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเขต 4 สุราษฎร์ธานี เข้าตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์